ถ้าพูดถึง "ทิชชู" (Tissue) หรือกระดาษทิชชู่ ส่วนใหญ่เรามักเหมารวมว่า หมายถึง "กระดาษสีขาว เนื้อบางเบา"
1.กระดาษชำระ (Toilet tissue) 2.กระดาษเช็ดหน้า (Facial tissue) 3.กระดาษเช็ดปาก (Paper Napkin) 4.กระดาษเช็ดมือ (Paper Hand towel) และ 5.กระดาษเอนกประสงค์
แต่ดูเหมือนว่าคนไทยอย่างเรา ๆ จะใช้ทิชชูโดยไม่ได้คำถึงถึงประเภทของทิชชู เรามักเห็นกระดาษชำระวางอยู่บนโต๊ะอาหาร หรือถูกนำไปเช็ดหน้าเช็ดตา หรือแม้กระทั่งเอาไว้ห่อหรือวางรองอาหารด้วยซ้ำ โดยที่ไม่คิดรังเกียจใด ๆ ทั้งที่ "กระดาษชำระ" นั้นคือกระดาษเหมาะสำหรับทำความสะอาดหลังขับถ่าย เป็นกระดาษย่น นุ่ม ดูดซึมน้ำได้ดีและยุ่ยง่ายเมื่อถูกน้ำ (มอก.214/2530)
ด้วยความที่เราใช้กระดาษชำระ ชำระกันไปเสียแทบทุกอย่าง จึงมีข้อสงสัยว่ากระดาษชำระดังกล่าวมีความสะอาดและปลอดภัยมากแค่ไหน
ผลการทดสอบพบว่า ทุกยี่ห้อมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในปริมาณน้อยมาก ไม่ก่อให้เกิดโรค
อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าไม่ปลอดจุลินทรีย์ ดังนั้น จึงควรใช้กระดาษชำระให้ถูกกับงาน การนำไปใช้ผิดงานอาจก่อให้จุลินทรีย์ปนเปื้อน และหากทิ้งไว้เป็นเวลานาน เมื่อสิ่งที่ถูกเช็ดมีสภาวะเหมาะสมต่อการเติบโตของจุลินทรีย์ จุลินทรีย์จะสามารถขยายตัวได้ จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
ที่มาของกระดาษทิชชู
หลายคนอาจสงสัยถึงที่มาที่ไปของกระดาษชำระ เราจึงสืบประวัติของมันย้อนไปถึงราวศตวรรษที่ 14 พบว่ากระดาษชำระเริ่มมีความนิยมใช้กันในราชสำนักจีน ขณะที่คนธรรมดาทั่วไปยังใช้สิ่งของมาเช็ดก้นกันตามสะดวก เช่น ใบไม้ เศษผ้า ต่อมาในยุคหลัง ๆ ก็หันมานิยมใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ใบปลิวต่าง ๆ มาเช็ดแทน
กระทั่งนักธุรกิจอเมริกันคนหนึ่ง ชื่อว่า "โจเซฟ กาเย็ตตี้" เป็นคนแรกที่ผลิตกระดาษชำระออกวางขายในปี ค.ศ.1857
ในขณะนั้นส้วม และชักโครกภายในอาคารเริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง ทำให้คนหันมาใช้กระดาษชำระมากขึ้นตามไปด้วย